ดวงชะตาจอมเวทย์
จอมเวทย์หรือพ่อมดแห่งเมอร์ลินไม่ได้มีแค่ในตำนาน แต่ยังคงมีผู้มีดวงชะตาสืบทอดตำนานเวทย์นั้นๆ ผ่านออกมาทาง ศิลปะที่ก้าวหน้าเกินสมัยบ้าง วิทยาการที่ก้าวหน้าเกินกว่าวัสดุศาสตร์ตอนนั้นจะรองรับได้บ้าง ตลอดจนแนวคิดหรือทฤษฎีนี่ยิ่งอ่านยิ่งพบว่า วิทยาศาสตร์ชักจะกลายเป็นปรัชญาเข้าไปเสียทุกที คือ จากที่จับต้องได้ กลายเป็นจับต้องอะไรไม่ได้เลย เช่นเดียวกับดวงนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญ สตีเว่น ฮอฟกิน
ดวงชะตาจอมเวทย์ หรือผู้รับสัมผัสทางธรรมชาติได้ดีและมีกระบวนการคิดวิเคราะห์ที่เฉียบคม ต้องประกอบด้วย ทองซิง หรือ ทองหยิน เป็นองค์ประกอบสำคัญในดวงชะตา
ในขณะที่ทองหยางทำหน้าที่คล้ายเหล็กกล้า ทนทาน แข็งแกร่ง ทองหยินทำหน้าที่เหมือน ปรอท รับสัมผัสได้ไวมากกว่า เรียกว่า รู้ไวกว่าคนอื่น มาก มากจนคนพูดว่า ล่วงรู้อนาคตได้
หรือถ้าไม่โดดเด่นเป็น ทองหยิน จะเป็นทองหยางก็ได้ แต่ที่สำคัญในองค์ประกอบคือ ในดวงแถวปีต้องมีไฟ ปรากฎ และต้องเป็นไฟ ตัวเดียวในดวงเท่านั้นที่ไม่มีที่ใดซ้ำด้วย
ยกตัวอย่างดวงชะตา เซอร์ไอแซค นิวตัน
壬午 壬子 庚子 丙子
ธาตุประจำตัวคือทองหยาง ส่วนแถวปีมีไฟหยิน แถวยามอย่าไปนับเพราะมันอาจคาดเคลื่อนได้ ไม่มีสักกี่คนหรอกที่บันทึกยามเกิดแม่นยำ แต่ว่า ต่อให้เป็นยามที่ถูก ก็ไม่ทำให้ธาตุซ้ำกัน เพราะอันนึง ไฟหยิน อีกอัน ไฟหยาง
ไม่ก็ปรากฎเป็นไฟ และเจอทองที่ตำแหน่งแถวปี คือ สลับกันกับหลักการแรก เพียงแต่ดวงชะตาแบบนี้จะคิดได้รอบคอบ กว้างขวาง หรือ แตกขยายแนวคิด สร้างส่ิงต่างๆได้น้อยกว่าประเภทแรก เช่นดวงชะตา ไอสไตน์
已卯 丁卯 丙申 甲午
นอกจากนี้พวกได้อันดับรองลงมาคือ พวกที่ช่องหนึ่ง คือ กิ่งฟ้าแถวปี มีความโดดเด่นเหนือช่องทั้งปวง ซึ่งต้องมาดูกันอีกทีว่า โดดเด่นแล้วสร้างคุณประโยชน์ทางด้านใด และก็ลดหลั่นไปตามธาตุด้วย เช่น พวกที่ช่องหนึ่ง เด่นดวงมาก แต่เป็นธาตุดิน ก็สู้พวกที่เป็นทองไม่ได้ พวกที่เป็นทอง ก็สู้พวกที่เป็นไฟไม่ได้ ต่อให้จะอยู่ในช่องที่ถูกแล้ว แต่ถ้าธาตุในดวงคุณภาพไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ความสามารถก็ไม่เท่ากัน
ดวงจีนไม่ได้สอนให้เราไปศึกษาเพื่อให้ทำชีวิตไปเลียนแบบใคร แต่สอนให้เรารู้จักเค้นเอาความสามารถตนเองออกมาใช้งานให้มากที่สุด เพื่อให้เสียเวลาน้อยที่สุด ประสบกับความสะดวกสบายและสมหวังที่เรียกว่า ความสำเร็จ แต่ไม่ได้ทุกครั้งเสมอไปนะ แค่โอกาสเจอมีมากกว่าเท่านั้น ในเมื่อยังเป็นคน ต้องได้รับเสวยผลกรรมดีและชั่วของตน จึงได้เกิดมานี้ ก็ย่อมได้รับความสุขบ้าง ทุกข์บาง สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง เป็นธรรมดา แต่ทำให้เกิดความก้าวหน้า ว่องไวในการตอบตัวเองว่า ความถนัดของฉันคืออะไร และสิ่งที่ถนัดนั้นเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งที่จะช่วยอำนวยสิ่งที่ฉันปรารถนาได้หรือไม่ หลายครั้งต่อให้ถนัดจริง แต่ไม่อำนวยก็มี เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัยหลายท่านสอนวิชาบริหารธุรกิจ ลูกศิษย์จบไปแล้วเปิดธุรกิจได้มากมาย แต่ตัวผู้สอนเอง ไปลงทุนทำการค้าทีไรก็ไปไม่รอดด้วย ก็มี
ดวงจีนสอนใจให้เราไปอิจฉาริษยาใคร เพราะเราจะมองว่าทุกคนมีหน้าที่ต่างๆกันไป เราจะไม่ไปมองว่าเค้ามาแย่งช่องหากินของเรา หรือมาทับทางเดินเรากระทั่งต้องไปให้ร้าย ว่าร้าย ทำร้าย ให้เกิดบาปกรรม แต่จะมุ่งหันกลับมามองตัวเองว่า จุดเด่นตัวเองมีตรงไหน บางทีที่เราสู้เขาไม่ได้ที่เรามองนั้น อาจเพราะว่า เรากำลังเป็นนกที่แข่งว่ายน้ำกับปลาก็ได้ ลองกลับมาบินบนฟ้าของเราโดยไม่ต้องสนปลาดู อาจจะได้ดีกว่า เป็นต้น
ทุกเรื่องมีเอฟเฟคเสมอ ทองที่มีไฟ หรือ ไฟที่มีทอง พวกนี้อุดมไปด้วยความอ่อนแอทางร่างกายผิดปกติคนเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นการรวมร่างกันของธาตุที่จับต้องแทบไม่ได้แต่ให้พลังงานสูงมากสองธาตุ ถ้ารู้แบบนี้เราจะไม่อิจฉาสักเท่าไหร่หากเราเห็นดวงใครเป็นเช่นนี้แล้วทำทีท่าว่า ฉลาดคิด เพราะถ้าไม่ป่วยเรื้อรัง ก็จะไม่สมประกอบทางกาย แต่ยังไงเสีย พวกนี้จะได้รับความคุ้มครองว่า ฆ่าไม่ตาย ดุจเห้งเจียที่โดนเตาหลอมของไท่ซ่างเหล่าจวิน คือ เขารับทุกขเวทนาทางกาย ทางใจ กระหน่ำชีวิตอย่างมากมายแล้ว หนังหนา กระดองแข็งแล้ว จะว่าอย่างนั้นก็ได้
เพราะฉะนั้น เข้าใจความหมายเสียใหม่ น้ำ อาจถูกดินดูดจนแห้งได้ แต่ไม่มีทองไหนที่โดนไฟรุมจนละลายได้ ต่อให้ปฏิกิริยาในดวงจีนจะเรียกว่า เค่อ เหมือนกัน ก็ตาม มะเส็ง และ จอ คือตัวพิสูจน์เรื่องนี้
Comments