ถ้า ดวง คนๆนึงมันสามารถเปิดหนังสือปกแดงๆไม่กี่เล่มก็ตอบได้นะ ผมว่า เขาไม่ต้องมีปราชญ์วิญญูชนจีนมากมายมาสร้างสรรค์ตำราสารพัดมาให้ต้องอ่านต้องศึกษาหรอก วิธีคือต้องเอาดวงทุกคนในบ้าน (หากทราบวันเดือนปีเกิด)มานั่งวางเทียบกับ ฤกษ์ นั้นเป็นคู่ๆ ทีละคู่ๆไป หรือหากไม่ทราบวันเดือนปีเกิดแน่ชัด หรือ อยากทราบแบบคร่าวๆ ก็ดูเอาจากดวงของเจ้าบ้าน หรือผู้กระทำการฤกษ์นั้นๆ
ธรรมดาแล้ว ยินหยาง ห้าธาตุ ก็มีเพียงหลักการหนึ่งเดียวนั่นหละ คนที่ไม่รู้ก็เอาไปแปลกแยกเป็นหลายวิชา คนที่รู้จริงจะสามารถเอาวิชาทั้งหมดรวบมาเป็นอันเดียวได้ เพราะต้นกำเนิดคือ อันเดียวกัน เรื่องนี้ผมเคยมีกรณีวิพากษ์ว่า ผมใช้วิชาหนึ่งหา ฤกษ์ แต่คนนึงก็เข้ามาบอกว่า อ่าน ฤกษ์ ผมตามวิชาที่ผมหาแล้วนั้นได้มา ฤกษ์ ไม่ดี แต่ใช้ หกสิบสี่ข่วยอ่านแล้วดี ผมก็ได้แต่หัวเราะว่า จริงๆแล้ว ไม่ว่าอ่านวิชาใดก็ได้ดี เพียงแต่ท่านรู้แต่ละวิชาลึกพอหรือยังเท่านั้นหละ ของชิ้นเดียวกัน อันนึงบอกดี อีกอันบอกไม่ดี แปลว่า ต้องมีอันใด อันหนึ่ง ปลอม แน่ๆ
ถ้าเข้าใจเรื่องมิติของเวลา ที่สอดคล้องกับมิติธรรมชาติ ยึดโยงผ่านชี่ ก็จะพอเข้าใจภาพว่า เอ่ะ ทำไมเราทำการนั้นๆ ณ เวลานั้นๆ ถึงมีผลต่อชีวิต ถ้าเวลาไม่มีผล เขาคงเก็บข้าวกันตอนหน้าฝนได้ ปลูกข้าวกันตอนหน้าแล้งได้ ทุกอย่างมีโปรแกรมของมันแบบที่เราเรียกกันง่ายๆว่า ฤดูกาล เพียงแต่ในเรื่องการกระทำความดีนั้น พระบรมศาสดา สัมมา สัมพุทธเจ้า ของเรา ท่านไม่ต้องการให้มารีรอ เพราะคนเราไม่รู้วันตายตัวเองว่าจะตายวันไหน ขืนเฝ้ารอแต่ ฤกษ์ งามยามดี กว่าจะถึงวันที่เฝ้ารอ ชีวิตก็อาจจะหมดลมหายใจไปเสียก่อนแล้วก็ได้
เรื่องนี้มีเรื่องเล่าว่า ผู้ชายคนหนึ่งหา ฤกษ์ ขึ้นคอนโดใหม่ ปรากฎว่า วันนั้นมีขบวนแห่สำคัญของเทศบาลทำให้ไม่สามารถจะไปขึ้นคอนโดได้ตามฤกษ์เพราะรถติดมากอย่างที่ไม่ได้ทราบมาก่อน เลยทำให้เสียฤกษ์ไปหากพูดภาษาชาวบ้าน ด้วยความตกใจกลัวจะเกิดเรื่องร้ายก็โทรมาถามข้าพเจ้า ข้าพเจ้าบอกว่า ฤกษ์ดี ได้สำเร็จ ณ ห้วงเวลาที่ท่านคิดว่าจะทำดีตาม ฤกษ์ นั้นแล้ว เวลาที่เพี้ยนไปหรือจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันใดได้ สุดท้ายก็อยู่ดีมีสุขมาหลายปี และคอนโดพออยากขายก็ขายได้ในเวลา สามสี่เดือนนับแต่ประกาศ
และอีกเรื่องคือ จากประสบการณ์ ดูดวงจีน มาหลายปี พบว่า สถานที่สำคัญ หรือวัดวา หลายที่สร้างวิหารศาลาแบบไม่ได้ดูฤกษ์ แต่พอเราถามหาวันเวลาที่ก่อสร้างมานั่งคำนวน ฤกษ์ยามจีน เป็นกรณีศึกษา ก็พบว่า ได้ฤกษ์ดีกันทั้งนั้น ทุกที่ ย้ำว่า ทุกที่ ถ้าได้ไม่ดีก็มักจะมีเหตุให้เลื่อนให้สาย จนได้ฤกษ์ดี คำพระศาสดาที่ตรัสจึงแน่แท้ทีเดียวว่า
สุนักขัตตัง สุมังคะลัง เวลาที่ท่านทำความดี ชื่อว่า ฤกษ์ดี มงคลดี
สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สว่างดี รุ่งเรืองดี
สุขะโณ สุมุหุตโต จะ วันดี และเวลาดี
ทีนี้ถามว่า ทำไมบางคนทำกิจการ เปิดร้านรวงแล้วได้ฤกษ์ไม่ดี จนหลายทีข้าพเจ้าต้องมาตามแก้ๆๆๆๆๆๆๆ ก็เพราะว่า “ทำไม่ดี” ทุกๆ ฤกษ์ ของปุถุชน ที่ไม่ใช่ วิญญูชน มักจะหา ฤกษ์ เพื่อ สนองความโลภตัวเองทั้งนั้น ขอให้รวย ขอให้ขายดี ขอให้ได้ลูกค้า ขอให้คนที่อยู่มีแต่ความสุข ขอให้คนสุขกายสบายใจไม่เจ็บไม่ไข้ ไม่จน
คือ โลภ ในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าหัดสวดมนต์กันเสียบ้างนะ พยาธิธัมโมมหิ พยาธิงอะนะตีโต เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้ อ้าวแล้วคนจะไม่ป่วยเลยนี่ มีรึ
รูปัง อนิจจัง รูป ไม่เที่ยง (ได้แก่ รูปที่ตามองเห็น เสียงที่หูได้ยิน รสที่ลิ้นรับรู้ สัมผัสเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหม กลิ่นที่จมูกได้กลิ่น พวกนี้เรียกว่า รูปหมด มันไม่เที่ยงแท้แน่นอน แต่ท่านเล่นจะขอให้มัน เที่ยงแท้แน่นอน) เวทนา อนิจจา เวทนา ไม่เที่ยง สัญญา อนิจจา สัญญา ไม่เที่ยง สังขารา อนิจจา สังขาร ไม่เที่ยง วิญญาณัง อนิจจัง วิญญาณ ไม่เที่ยง
ทำดีไม่พอ ใจดีไม่พอ ปากดีไม่พอ ก็เลยทำให้ได้ฤกษ์ที่ไม่ดี มันก็เป็นไปตามกรรมแบบนั้นแล้ว มิใช่หรือ พิจารณาเอา เพราะมนุษย์หลายดวงที่เจอ ต่อให้ลองให้ฤกษ์ดีแสนดีไปให้ ก้ไม่อาจทำตามฤกษ์ได้ หนำซ้ำไม่พอ ยังลืมสนิทว่า เคยให้ฤกษ์นั้นไว้ เรียกว่า ใจก็ไม่คิด กายก็ไม่ได้ทำตามนั้น คนเราไม่ล่วงกรรมไปได้หรอก ไม่มีหมอดูหน้าไหน ออกคำทำนาย หรือสร้างฤกษ์ชนะกฎแห่งกรรมไปได้
Comments