ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาที่ผมอยู่ในวงการโหราศาสตร์จีนในประเทศไทยนี้ ผมเหนื่อยพอควรนะ เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่ เหนื่อยใจมาก ทีแรกว่าจะอยู่เงียบๆหลังๆนี้ไม่อยากพูดอะไรที่กระทบใครเขา อีกทั้งหลายครั้งผมรู้ตัวครับว่า ผมชอบพูดเหมือนยกตัวอย่าง หรือแนวคิดอะไรที่หวือหวา ไม่น่าจะมีในตำราจีน จนดูเหมือนผมพูดเองเออเอง ก็ขอโทษอย่างสูงมา ณ ที่นี้อีกครั้ง เนื่องจากผมไม่อยากมานั่งอธิบายหรือแปลให้ใครเขาฟัง มันยากมากนะครับ ที่ผมจะต้องถอดความภาษาจีนโบราณ ออกมาเป็นจีนสมัยใหม่ เพื่อคนฟังจีนพอได้ก็จะเข้าใจได้อย่างดี ดีกว่าที่ผมต้องถอดอีกรอบให้ความออกมาเป็นภาษาไทย แล้วยังไม่พอถ้าเป็นความรู้โหรจีน ผมต้องแปลงให้คนที่ไม่มีพื้นฐานโหราศาสตร์จีนเพียงพอ เข้าใจได้อีกว่าแปลว่า อะไร แล้วคนไทยโดยส่วนมากก็มักคิดว่าที่ตนเองเรียนมาพื้นฐานนั้น เท่ากับ มีพื้นฐานโหราศาสตร์จีนเพียงพอแล้ว ผมขอพูดแรงหน่อยนึงไม่ได้จะตำหนิท่านทั้งหลาย แต่ผมได้ทำการ สอน ได้ทำการแต่งตำรา ได้แค่เล่มเดียว สอนได้แบบเดียว ต้องพับทิ้งไว้ไป เพราะผมสอบทวนพื้นฐานหลายเรื่องในโหราศาสตร์จีน (ที่ไม่ใช่แค่สำนักหมากรุกจีน หรือจับซิ้ง) ผลปรากฎว่า คนรู้เรื่องน้อยมาก คือมีผู้รู้นะครับ แต่น้อยมากไม่พอสอน ไม่พอทำหนังสือ ทำมาแล้วขายใคร คนอ่านรู้เรื่องคือคนเก่ง ๆของแต่ละสำนักซึ่งนับรวมกันแล้ว ทั้งประเทศไม่ถึง 15 คน (ใครอย่ามาขอผมไล่รายชื่อนะ เพราะผมคิดว่าเป็นการก้าวล่วง เราเก่งพออะไรจะเอาตัวเองไปวัดได้ว่า คนเหล่านี้ท่านเก่งตามบรรทัดฐานจริงๆของเรา ผมยกตัวเลขมาให้ท่านเห็นว่า คนเก่งด้านจีนในไทยมีนะครับ ซ่อนตัวท่านเยอะ และผมไม่เคยถือว่าตนเองคือหนึ่งใน คนเก่งมากๆเหล่านั้นด้วย เลยไม่เอาตัวเองไปเทียบ ที่เทียบออกมานั้นเทียบโดยการส่วนตัวเพื่อให้เห็นจำนวนคร่าวๆ ) จะว่าผมเห็นแก่ต้นทุนก็ได้ ที่สำคัญ ผมไม่คิดว่าท่านเหล่านั้นจะต้องมาให้ผมสอน แปลว่าถ้าผมสอนลึกมากๆ ไม่มีคนเรียนแน่ๆครับ เพราะคนที่รู้ก็รู้อยู่แล้ว ส่วนคนที่อยากเรียนก็มักจะไม่ได้ภาษาจีนเลย หรือได้ก็ไม่ได้ภาษาโหรจีนอีก สรุปผมเลยเอาความง่ายว่า หลังๆนี้ คือ ผมไม่สอนอะไรลึกๆ ไม่พูดอะไรมากเหมือนเมื่อก่อนที่ชอบเขียนบทความ แต่พูดหัวข้อ หรือแนวคิดแปลกๆไว้ เพื่อให้คนที่เค้าสนใจจริงมาเห็น หรือหลายครั้ง ผมพูดไว้เพราะตื่นเต้นทุกทีเวลาเจอความรู้ บางอันไม่ใช่ความรู้ใหม่เลย เป็นความรู้ที่ผมเถียงอาจารย์ อาจารย์ผมก็มีหลายคนอีก แต่อาจารย์คนแรกผมพูดเสมอ อาจารย์นริศหมากรุกจีน ซึ่งมีเรื่องให้น่าเถียงมากมาย เพราะชอบพูดหลักการโหรจีนแปลกๆ ที่ผมดั้นด้นหามาตั้งแต่ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลย์ สิงคโปร์ หาไม่พบ กว่าจะพบบางทีพบจากหนังสือเก่าๆในร้านหนังสือเก่ามาก หรือ ในห้องสมุดไหนสักที่ ในกระดาษแค่ไม่กี่หน้า หรือพบในสื่อออนไลน์ที่เชื่อถือได้ของรัฐบาลจีน หรือหอสมุดของประเทศที่ได้กล่าวมา ถามว่าหายากไหม หายากมาก บางทีจนผมถอดใจ เชื่อๆตามไปก่อนแล้วค่อยมาหาทีหลังก็มี บางทีก็พบว่ามีที่ไม่ตรงบ้างนิดหน่อยก็มี แต่โดยส่วนมากแล้ว เอาว่าครั้งนึงผมเคยคุกเข่าต่อหน้าอาจารย์ ขอขมากรรมเล็กๆที่เกิดจากการประมาทความรู้ท่าน เพราะผมดันไปหาเจอบางหน้าในหนังสือที่ท่านบอกว่า มี แต่ผมยืนกรานว่า ไม่มี ใครเขาใช้แบบนี้กัน โหรจีนแทบทั้งโลกไม่ได้ใช้แบบนี้ ทำไมบอกว่า มี และมีในตำราจีนด้วย แต่ไม่ต้องไปถาม อาจารย์นะครับ ผมว่าท่านจำไม่ได้แล้ว อย่าว่าแต่ท่าน ผมก็จำได้ลางๆว่ากรณีไหน ซึ่งไม่ใช่ ตงจื้อ แน่นอน เพราะ ตงจื้อ ผมค้นแหลกแตกละเอียดมานานพอควรแล้ว นานก่อนการจะต้องมาเขียนบทความนี้ราวๆ สิบปีได้ แต่ผมไม่อยากเอามาเผย เพราะคนไทยเราไม่จบง่ายครับ เดียวผมหาหลักฐานอะไรเอามากางให้ ก็จะไปหาหลักฐานอื่นมาแย้ง ทั้งๆที่จริงๆ ที่เอามาแย้งนั้นบ่อยครั้งผมมีนะครับ พอผมเผยอีกอัน ที่หักล้าง ก็จะทุ่มเถียงกันไปๆมาๆอีก ดังนั้น ผมเงียบมานาน แต่ครั้งนี้ผมต้องออกมาพูด เพราะท่านผู้พูด กล่าวเหมารวมสำนักหมากรุกจีน ซึ่งเป็นสำนักที่ทราบกันดีในไทยว่า อาจารย์นริศเป็น อาจารย์ใหญ่ก่อตั้งสำนักนี้ขึ้น ผมต้องออกมาเขียนเพื่อ ตอบแทนพระคุณอาจารย์ในฐานะลูกศิษย์คนนึง ไม่ได้มีเจตนาจะ วิพากษ์ใดๆ หรือปะทะความรู้กับใครเหมือนแต่ก่อน ผมพอแล้วสำหรับวงการโหราศาสตร์จีน หรือ จีนศึกษาต่างๆในไทย จะว่าผมยอมแพ้ก็ได้ครับ ต่อให้วงการโหรแขนงอื่นในไทย ผมก็ขอยอมแพ้ ยอมเป็นคนไม่รู้ดีกว่าเพราะเหนื่อยมากที่จะเป็นคนรู้ คนไทยเราชอบความรู้ใหม่ แต่ไม่ชอบค้นคว้า ที่สำคัญผมเห็นข้อจำกัดด้านภาษาจีนในวิชาโหรจีนด้วย ผมไม่ได้ว่าท่านไม่มีความรู้ภาษาจีนนะ แต่ผมบอกว่า รู้จริงๆรู้ลึกๆ หาคนรู้ยาก แล้วบางทีภาษาโหรจีนท่าน เขียนไว้ให้ โหรจีนด้วยกันตีความ จะใช้ความรู้ภาษาจีนเฉยๆ มาตีความไม่ได้ เอาเป็นว่าสรุปแล้ว เรื่องการคำนวนดวงดาว หรือคำนวนปฏิทิน ผมมีตำราของจีนในมือ แต่ผมไม่เคยอ่าน เพราะผมไม่ชอบตัวเลขเยอะๆแบบนี้และผมคิดว่าต่อให้ผมอ่านก็คงไม่เข้าใจหมด เพราะไม่ถนัดดวงดาวจริงๆ ส่วนเรื่องการเอาตงจื้อมาใช้ทำนาย ผมขอยืนยันว่า แทบทุกดวงผมตั้งดวง ฐานปีนักษัตรด้วยระบบตงจื้อของสำนักหมากรุกจีน ใช้คำว่าแทบทุกดวง เพราะบางดวง ผมนี่หละ แก้เองว่า คุณควรเกิดปีนี้ เปลี่ยนแบบระบบตงจื้อไม่ได้ ต้องเปลี่ยนตามระบบลี่ชุน หรือ ชุนเจี๋ย ว่าไป แต่น้อยมากครับ ไม่ถึง ร้อยละห้า ของดวงชะตาทั้งหมดที่ให้เกียรติมาให้ผมทำนายให้ ถามว่าเปลี่ยนตามอำเภอใจซินแสหลัวก็ได้เหรอ ได้ครับ เพราะผมคือคนทำนาย และใจของผมนี้ใส่ความรู้มาพอควรแล้ว อำเภอใจของผมเลยมีห้องสมุดโหรจีนทั้งปัจจุบันและโบราณตั้งอยู่ในนั้น แต่ห้องเอกสารโบราณผมไม่ค่อยอยากเปิดให้ใครได้มาอ่านง่ายๆ เพราะผมเหนื่อย ที่ไม่ใช่รำคาญนะ เหนื่อยแบบเหนื่อยจริงๆ ที่ต้องมาอธิบายยาวๆ ยิ่งผมแก่ลง ไม่อยากจ้องหน้าจอ ไม่อยากพิมพ์มาก นี่ขนาดไม่มากก็ยังพิมพ์ยาวมาได้ขนาดนี้ ที่มีแรงพิมพ์ยาวได้ขนาดนี้ ต้องขอบคุณท่านที่อ้างอิงมาถึงสำนักหมากรุกจีนด้วย เพราะถ้าท่านไม่อ้างคำนี้ ผมไม่อธิบายตงจื้อลึกๆแบบนี้ด้วยหลักฐานที่ โบราณพอ จะเอามาอ้างอิง
กรณีสำนักหมากรุกจีน หรือสำนักอื่นๆ จะว่าการเปลี่ยนนักษัตรปีคือวันไหน ผมไม่ก้าวล่วงในรายละเอียด แต่ ซินแสหลัว กล่าวว่า ปีนักษัตรไม่ได้เปลี่ยนที่ตงจื้อเสมอไปทุกดวงชะตา และ ปีใหม่จีนไม่ได้เริ่มที่วันตงจื้อ แต่ปีใหม่จีนโบราณนั้นเริ่มที่วันตงจื้อแน่นอน ในยุคนึงของจีน ไม่ใช่ทุกราชวงศ์ และเป็นการเริ่มปีใหม่จีนแบบโบราณในกลุ่มชนชั้นสูง หรือปัญญาชนคนปกครองในห้วงนึง ส่วนใมนประชาชนทั่วไปก็ใช้การเปลี่ยนปี ที่วันชุนเจี๋ย หรือ วันตรุษจีนมาแต่นมนานแล้ว แสดงว่าถ้าใครถามว่า ปีนักษัตรเปลี่ยนวันไหน ก็ควรบอกว่า ตรุษจีน เพราะนั้นคือคนส่วนใหญ่ถาม แต่ถ้าคนจะเป็นโหรจีน ท่านไม่ควรละเลยประเด็นตงจื้อ หรือมองข้ามว่าไม่น่าจะใช่วันขึ้นปีใหม่แน่ๆแบบเชื่อสนิทใจ ส่วนโหรแขนงอื่นนั้นด้วยคลังความรู้โหรจีนในไทยเราน้อยครับ คือ มีตำราที่ถูกแปลเป็นไทยน้อยมาก สะพานข้ามแดนนี้ยาว ท่านเอาตามที่ท่านเชื่อเถอะ แต่ผมไม่เชื่อวิธีการคำนวนเทียบเคียง เช่น การเอาวงโคจรแค่ดาวพฤหัสบดี มาคำนวนตัดสินความเป็นไท้ส่วย หรือ การเปลี่ยนระบบปี หรือแม้แต่จะลากดาวทุกดวงบนจักรราศีมาคำนวนสอบทานผมก็ไม่เชื่อ คือ ผมไม่เชื่อคนเดียวครับ ท่านจะเชื่อก็เชื่อ คนอื่นจะเชื่อก็เชื่อ ผมหัวดื้อไม่เชื่อของผมเอง เพราะมีก็มีหลักฐานอย่างอื่นที่ผมค้นคว้ามาได้ว่าไม่ควรเชื่อหมด หมดนะ แปลว่า บางอันมีหลักฐานเป็นการคำนวนหรือวิทยาศาสตร์ผมก็เชื่อครับ สิ่งนั้นเพราะอะไร เพราะผมยังไม่เคยเจอท่านผู้รู้ในไทย ที่อ่านตำราคำนวนดวงดาวแบบจีน หรือ คำนวนปฏิทินแบบจีนได้ คำนวนนะครับไม่ใช่ทำนาย ผมหมายถึง การเอาตำราตั้งวัน หรือคำนวนวันแบบจีน เอามาเขียนเป็นปฏิทินวันออกมาด้วยตนเอง ซึ่งผมเชื่อว่าหากมีก็คงสูงอายุมากๆแล้ว
ข้อความจาก ฮั่นซู ตำราบันทึกมาตรฐานของจีน อายุกว่า 2000 ปี
จากภาพข้างบนนี้ มีข้อสังเกตว่า 太岁 ไท่ซุ่ย หรือ ไท้ส่วย เห็นคำนี้ปรากฎที่ใด ให้ดูบริบทข้างเคียง ไม่ได้! แปลว่า เทพ หรือ เกี่ยวกับ เทพไท้ส่วย เทพคุ้มครองชะตาเสมอไปนะครับ บางที่หมายถึงดวงดาวประจำชะตา บางที่หมายถึงดาวประจำชะตาสาธารณชนคนทั่วไปได้แก่ ดาวพฤหัสบดี บางที่หมายถึง เจ้าชะตาหรือสิ่งที่เกื้อหนุนเจ้าชะตาเอาไว้อยู่ หมายความว่า บางที่หมายถึง ดวงดาวโดยตรง บางที่หมายถึง สิ่งอันเป็นนามธรรมที่เกี่ยวข้องกับชะตาที่จรไปมาได้โดยยึดปีจรเป็นหลัก
เวลาผมอธิบายเรื่อง 冬至ตงจื้อ ผมจะไม่เอา 24 节气 มาเทียบเคียงใดๆเลย ต่อให้ เอกสารจากออนไลน์สื่อรัฐบาลจีนทางการ จะได้กล่าวกรณี 冬至ตงจื้อ แบบเทียบเคียง 24 节气 เพราะผมเห็นว่า คำแปลของแต่ละเจี๋ยชี่ทั้ง 24 ไม่เป็นสากล แม้นในแผ่นดินจีนเองก็ไม่ได้มีสภาพอากาศไปตามนั้น อีกทั้ง หากเราจะแปลง่ายๆแค่คำว่า 大 กับ 小 หมายถึงมาก หรือ น้อย เช่น 小暑 ร้อนน้อย กับ 大暑 ร้อนมาก ก็คงผิดไปมากๆเลย เท่าๆกับที่จะแปล 小雪 大雪 ว่า หิมะน้อย หิมะปริมาณมาก หรือ 小寒 大寒 ว่า หนาวน้อย หนาวจัดๆมากๆ ก็ยิ่งผิดเข้าไปอีก หามิเช่นนั่นแล้ว หลังจาก 立春 ลี่ชุน ก็คงต้องแปลว่า 15 วันหลังนั้น หรือสารทใหม่ 雨水 แปลว่า ฝนตก หรือ ยามหน้าฝน ทั้งๆที่ความจริง หลังจาก 21-23 ก.พ. ของทุกปี จนก่อนจะเข้า 4-6 มี.ค. โดยประมาณ มักมีฝนโปรยเสมอ ก็ไม่ได้แปลว่า ตก เพราะบางทีมาแค่ ไม่กี่ชั่วโมง ก็ ซาลงไป ฝนที่ตกตอน 雨水 ไม่เท่าตอน หลัง 夏至 ซึ่งควรจะร้อนมากๆ ไปด้วยซ้ำ ถ้าจะเอาเรื่องพลังงานมาคุย ควรอ้างอิงเอาตำราแพทย์จีน เพราะเกี่ยวกับร่างกายคนโดยตรงมาคุยมากกว่า จะคุยเรื่อง 24 节气 แล้วในตำราหมอจีนพบได้จะจะ แค่ในวิชาฝังเข็มบางสำนัก ที่จะใช้ 24 节气 บ้าง นอกนั้นยึดเอา 12 นักษัตรฤดูมาแค่นั้น ซึ่งผมอ่านตำราโหรจีนมา พอควร แทบไม่ค่อยพบว่า เอาสารท มาทำนาย หรือ คำนวนอะไรเพื่อทำนายได้อย่างจริงจังมากนัก เอาไว้แค่คำนวนผังดวงนิดหน่อย เน้น 60 甲子 มากกว่าครับ ไม่แน่ ผมยังอาจอ่านน้อยไปหน่อย อนาคตถ้ารู้มากขึ้น วันนี้อาจผิด แต่ที่พูดทั้งหมดคือ ที่รู้ตอนนี้ ผมอดคิดไม่ได้ว่า 24 节气 อาจเป็นของโบราณ แต่คำอธิบายอาจแต่งใหม่ แม้แต่การเอา กว้า 卦 มาอธิบายว่าเริ่มที่ 复卦 แบบนี้ ก็เถอะ เพราะ 泰卦 ไม่น่าจะตก 雨水 หรือแม้แต่ 立春 ลี่ชุน-ลิบชุง เลยครับ
https://m.sohu.com/n/485856409/?wscrid=95360_5
เอาเป็นว่า ผมขอสรุปดื้อๆว่า
1.ซินแสหลัว ขอเป็นผู้ไม่รู้แล้วกันนะครับ ในนี้เอาออกมาให้ดูเพราะท่านเอ่ยถึง สำนักโหรจีนที่ชื่อ หมากรุกจีน อันเป็นสำนักของอาจารย์คนแรกของผม และกล่าวว่า หากใครมีตำราที่ยืนยันได้ว่า โบราณ ให้เอาออกมาประกอบ ผมเลยไปหา 汉书 ฮั่นซู หมวดเฉพาะเรื่องพวกนี้เลยนะ คือ 律历志上 เอามาลงไว้เป็นเบื้องต้นให้ท่านได้ทราบ 汉书 ฮั่นซู ก็ราวๆ ค.ศ.100 กว่าๆ หรือมีอายุ 2000 ปี ได้ คงเก่าแก่พอที่จะเรียกว่า หลักฐานจากตำราจีนโบราณ ได้นะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาก้าวล่วงใคร ผมเขียนเพื่อทำหน้าที่ลูกศิษย์ที่ต้องปกป้องอาจารย์ ในเรื่องที่ท่านกล่าวไว้ถูก
ข้อความจาก ฮั่นซู ตำราบันทึกมาตรฐานของจีน อายุกว่า 2000 ปี
2.ผมไม่ได้เห็นด้วยกับการบอกว่า ตงจื้อ คือ วันเปลี่ยนนักษัตรปีของจีน ตามที่ได้เขียนข้างต้นว่า บางดวง หรือบางปี ผมก็เลื่อนไม่เอาตงจื้อ หรือเลื่อนมาใช้ตงจื้อบ้าง
ข้อความจาก ฮั่นซู ตำราบันทึกมาตรฐานของจีน อายุกว่า 2000 ปี
3.โหราศาสตร์แขนงอื่นผมไม่ทราบเลยครับ แต่โหรจีนผมยืนยันว่า เราต้องแยกแยะ สามสิ่ง ผู้คำนวนปฏิทินหรือดวงดาว โหรผู้คำนวนดาว หรือโหรผู้ทำนายเป็น สามสิ่งนี้บางทีอาจอยู่ในคนๆเดียว หรืออาจจะอยู่ในคนละอัน ทำให้เวลาเราพูดเรื่องปฏิทินอาจต้องไปพึ่งคนคำนวน แต่เวลาทำนายแล้ว ต้องฟังคนที่ทำนายเป็น เพราะมีข้อยกเว้นของเอกภพ เนื่องจากไม่ว่า ธาตุ เลข ดวงดาว หรือการโคจรเป็นแค่ สิ่งสมมุติขึ้นเพื่อให้คำนวนต่อ หรือค้นคว้าสอบทานย้อนหลัง ไปหน้าได้ เท่านั้น ไม่ใช่ความจริงทั้งหมดของจักรวาลที่บิดเบี้ยวไม่สมมาตรนี้ ทุกอันเลยมักมีข้อยกเว้น เล็กๆเสมอ หรือจุดหักเห บ้างบางที
ข้อความจาก ฮั่นซู ตำราบันทึกมาตรฐานของจีน อายุกว่า 2000 ปี
4.แต่ใครอย่าไปไหว้ปีใหม่ 拜年 หรือ ไหว้เทวดาปีใหม่ หรือ ไหว้ไท้ส่วยในช่วง ตงจื้อ เพราะคิดว่า ปีใหม่จีน มาแล้วนะครับ คนละเรื่องกันเลยครับ ไปรอไหว้เอาตอน ฤดู 春 คือหลัง มค ไปนู่น ถ้าจะรอตามปฏิทิน แต่ถ้าจะไหว้เอากุศล ไหว้เทวดาได้ ทุกวัน ขออย่าลืมไหว้ พระ ก่อน ครับ เราไหว้ด้วยจิตใจอันดี ทำความดีจะบอกว่าได้รับผลร้ายได้ยังไง ทำดีในยามร้ายๆ ยามก็ไม่อาจมีผลแปลงความดีให้ส่งผลร้ายไปได้ ถ้าได้รับผลร้าย แสดงว่า กรรมอื่นให้ผล แทรก หาใช่ ทำดีได้ชั่วเพราะผิดยามผิดฤกษ์ไม่ แต่ให้ระวัง ทำดีแบบไม่ดูโมงยามเวลา อาจทำยาก หรือมีเหตุขวางทำให้ที่คิดว่า ทำดีนั้นหนะ ไม่ใช่สิ่งดีตามที่คิด เผลอทำผิดแทรก เช่นนี้ จะว่า โมงยามไม่สำคัญเลยก็หาไม่ พึงตั้ง สติ แล้ว การตั้งสติ เป็นความดีไหม การมีสติ เป็นความดี สติเป็นเครื่องตื่น ของโลก ตื่นเถิดชาวไทย แม้นแต่ ชาวจีน หรือ ชาวไหนก็ควรตื่น พุทธศาสนิกชนควรเชื่อในคำสอนพระศาสดามากกว่าคำสอนอื่น
5.ถ้าคนธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ใช่คนต้องใช้วิชาปกครอง หรือไม่ใช่โหรถาม ผมสนับสนุนว่า การเปลี่ยนปีนักษัตรจีนที่ ตรุษจีนนั้น ถูกต้องแล้วที่จะตอบลงไปครับ ส่วนวันตงจื้อนั้น จะใช้มากำหนดเป็นวันไหว้เจ้า หรือทำพิธีต่างๆเพื่อรับปีใหม่ให้คนทั่วไปนั้น ไม่ได้เลยครับ เพราะเอาคร่าวๆตามที่ยกตัวอย่างภาษาจีนแปะมาให้ พลังหยางยังไม่เกิดขึ้นจริง คนทั่วไปส่วนใหญ่ใช้พลังหยาง ก็ควรใช้ตรุษจีนเป็นสำคัญ 5.เมื่อเป็น ปีใหม่จีนโบราณในชนชั้นบางกลุ่ม และบางราชวงศ์ นี้จึงเป็นสิ่งยืนยันว่า ตงจื้อ ควรถูกวางไว้เป็นสิ่งโบราณที่ผ่านมาคัดกรองจากปราชญ์จีนมาไม่รู้กี่รุ่นแล้วว่าไม่สมควรใช้เป็น วันปีใหม่ แต่สมควรให้ความสำคัญในฐานะวันอื่น เช่น วันตามประเพณีอายุยืน วันตามพิธีกรรมบางอย่างของรัฐ หรือวันสำคัญหนึ่งที่โหรจีนไม่ควรละเลยว่า เอามาใช้ทำประโยชน์ หรือทำนายอะไรได้อีกมาก ตรงนี้สำคัญที่สุด สุดท้ายนี้ไม่ว่า ปีใหม่จะถูกกำหนดวันไหน หรือใครกำหนดถูก หรืออนาคตนักษัตรอาจจะมีมากกว่า สิบสอง ผมก็ขอให้ท่านทั้งหลายได้มีสติฉุกคิดหน่อยว่า เป็นกาารสมมติเพื่อการศึกษาค้นคว้าของคนเราเท่านั้นเอง เหนือจากการต้องมาค้นคว้าจุดสมมติบนท้องฟ้าที่มีต่อโลกพวกนี้คือ เราได้อะไรจากการค้น หรือต่อให้ได้คำตอบแล้ว จะทำให้ชีวิตในปีใหม่ของใครสักคนเจริญก้าวหน้าหรือเสื่อมลง แทบมีผลเป็นธุลีเมื่อเทียบกับปถพีหนาคือ เจตนาและการกระทำตนให้ใหม่ เวลาบนหน้าปัดหรือหน้าปฏิทินก็ยังคงเป็นเพียงเครื่องหมายรู้ ที่เอาไว้ตั้งสติ หรือตั้งหน้าทำชีวิต ไม่ควรให้มีความสำคัญไปจนเป็นตัวกำหนดชีวิต หรือความเสื่อมความเจริญ หรือการต้องมาเฝ้ารอทำพิธีแก้เคราะห์ต่อโชคอะไรทั้งนั้น
ชีวิตคือ สิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด กายใจเรานี้คือสิ่งที่มีอานุภาพสุดในจักรวาลนี้ในปัจจุบันนี้แล้ว เราควรนำสิ่งนี้มาใช้ให้มีคุณค่าที่สุด คนเราย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เรามีเครื่องย้อนเวลาของใจได้ คือ อภัย ที่ย้อนกลับไปดูเรื่องดีร้ายประการใด เราจะดูผ่านแว่นของความ สมควรแล้ว สมควรได้รับแล้วเพราะเราทำสิ่งนั้นเอาไว้ ทำเรื่องนั้นมา ทุกกรรมที่เราได้รับสนองนั้นสมควรแล้วไม่ว่าดีร้าย สมควรแล้ว แต่ไม่สมควรทุกข์ ไม่ใช่เพียงแค่เพราะผ่านมาแล้ว แต่เพราะ เมื่อเราให้อภัยได้ จิตเมตตาและอภัยนั้นทำให้เรา ห่างจากความทุกข์นั้นได้เอง เพราะไม่เข้าไปยึดถือแล้วว่า สิ่งนั้นเป็นต้นบุญ หรือเป็นตราบาปในชีวิต มองเรื่องดีร้ายที่ผ่านมาในปีเก่า อย่างเข้าใจเรื่องราวแต่ห่างไกลอารมณ์จมทุกข์ฟูสุข
คำถามสั้นๆ ถ้าใครสักคนถือเอาวันเกิดตัวเองเป็นวันเปลี่ยนปีใหม่ หรือ เอาวันเสียชีวีตของคนที่เขารักเป็นวันเปลี่ยนปีใหม่ เฉพาะของเขาในหน้าปฏิทินที่เขาเขียนเอง จะผิดไหม กรณีตงจื้อก็เช่นเดียวกัน ถ้าท่านเข้าใจคำว่าจุดสมมติ กรณีนี้จะผิดก็แต่เพียงว่า คนนั้นเขาดันไปบอกคนทั้งหลายว่า ปีใหม่จริงๆ เป็นวันนี้ต่างหาก วันเกิดของฉัน เพราะเรื่องที่เป็นสาธารณะรับรู้ เชื่อถือกัน เราจะเอาตามอำเภอใจเราไม่ได้ นี้เป็นความ ยุติธรรมแล้ว คือ ธรรมหรือความรู้ใดทำให้เป็นที่ยุติได้ของคนหมู่มาก เป็นธรรมแล้วนะ ไม่ใช่ไม่เป็นธรรม เพราะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้น แต่คนที่รู้แล้ว รู้มากกว่านี้แล้ว จะอาศัยแค่ความเป็นธรรมพื้นฐานนี้ พาชีวิตตนเองให้ก้าวหน้าไปอีกไม่ได้ ต้องสละ อยู่แบบเข้าใจปรับเข้ามาใช้หรือสละตามบริบท วันตงจื้อเช่นเดียวกัน ต้องรู้ แล้วควรเข้าใจด้วย หากท่านชอบในวิชาโหรจีน และการรู้แล้วนั้นหละจะทำให้ท่านเลือกได้ว่า ตอนไหนควรใช้ตรุษจีน หรือตงจื้อ ควรหยิบมาใช้ตอนไหน ควรวางลงตอนไหน
สุดท้ายนี้ผมเชื่อว่าต่อให้ใครจะอ้างวันปีใหม่เพื่อเสริมดวง หรือทำพิธีอะไร ผมเชื่อว่าพื้นที่เล็กๆในหัวใจเขาก็คงมีความอยากนำเสนอสิ่งใหม่ที่เป็นความปรารถนาดีให้เพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าจะหุ้มเคลือบด้วยเหตุผลแฝงอื่นๆอะไรก็ช่าง ในความเป็นธรรมดาของโลกแบบนี้ที่คนเราก็ยังมีความอยาก ผมขอชื่นชมทุกคนนะ ที่ต่อให้จะอยากมากหรืออยากน้อย ก็ยังมีพื้นที่เล็กๆคิดห่วงใยอยากให้คนได้ดี มีสุข ถึงได้พูดออกมา นำเสนอออกมา ต่อให้บางท่านจะดูเหมือนทำเพื่อแสวงทรัพย์หรือหาชื่อ ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า พื้นใจก็ยังมีความอยากให้คนได้ดีไง ไม่งั้นเราคงกำหนดวันหาโศก พิธีหาทุกข์ จุดกำกับเศร้า หรือวันขึ้นปีใหม่ต้อนรับความซวย เอาไว้แล้ว ผมเคารพตรงนี้ จุดเล็กๆที่สิ่งดีงามได้งอกขึ้น เพราะผมเชื่อว่าวันนึง คนเราต้องคิดได้ และเมื่อโตขึ้น ผมเชื่อว่า จุดดีๆเล็กๆนี้จะงอกขึ้นตามสมควร หรือหากแม้นใครจะใส่ใจรดน้ำเมตตา พรวนดินอภัยใส่บ่อยๆ ก็จะยิ่งงอกงามเจริญขึ้น ขอเพียงมีอีกสิ่งสำคัญของ พืชชีวิตอันพีชะ นี้ คือ แสงสว่างของ ความเห็นชอบ คือสัมมาทิษฐิ ตัวแทนอีกรูปแบบหนึ่งของปัญญา คอยส่องสว่างให้ตามสมควร ทำไมต้องตามสมควร เพราะทุกสิ่งสมควรแล้วในกฎใต้ธรรมชาตินี้
ขอให้มี โชคปี โชคเดือน โชควัน โชคยาม ดีไปไจ้ๆ ตามแบบเบ้าบุราณล้านนาที่ได้อวยพรกัน ผมชอบมากนะ เพราะกำลังบอกเราว่า โชคไม้ได้ต้องรอแค่ ปี โชคยามก็ยังมี และยิ่งใหญ่กว่าปีมากนัก เพราะเราเลือกทำอะไรได้ ทุกยาม ทุกลมหายใจเข้าออก คำอวยพรล้านนานี้ชวนประทับใจเพราะทำให้ ผมได้สติทุกครั้งที่ ถูก มัดมือด้วยสายสิญจ์ ว่าคนเราจะถูกมัดแบบนี้สองรอบ คือ ตอนอวยพร กับ ตอนเราตาย เป็นจุดดีๆเดียวกันที่ ยืนยันว่าความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ความเกิดต่างหาก ที่ไม่ได้น่ากลัว แต่น่าคิด อินหยางอยู่ในทุกบริบทของชีวิต เพราะทุกสิ่งมีปัจจัยร่วมกัน เกิดร่วมกันเสมอ การอ่านตำราใดๆก็เช่นกัน อย่าไปหาแต่ตัวหนังสือ พอๆกับที่ผมยกมา ถ้าอ่านแต่ตัวหนังสือ ไม่พลิกอีกด้านของความนัยดู ก็อาจจะหาว่า นี่ไง ให้ผู้เชี่ยวชาญจีนศึกษาอ่านแล้ว ท่านไม่เห็นแปลแบบ ซินแสหลัว เอ่า ก็นี่บทความผม ความเชื่อที่ผมพิจารณาดีแล้วก่อนเชื่อของผม แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมตามที่พูดเรื่องความยุติธรรมข้างต้นไว้สิ เอ้า ต่อให้ผมเป็นลูกศิษย์ท่านเปา แต่ผมไม่ใช่ คนยุติธรรมอะไรหรอกนะขอรับ ผมทำเพราะทำมีความสุขและพอใจที่จะทำ ตามอำเภอใจที่มี หอสมุด ในนั้นของผม
ซินแสลั่ว 23/12/2566
Comentários