เรื่องเปิดบัญชีธนาคารนั้น เท่าที่ผมเคยลองใช้และพิจารณาลงมา ไม่ได้เกี่ยวกับ สี ของธนาคารเลยว่าธนาคารสีใด จะถูกโฉลกกับดวงแบบไหน ยิ่งไม่เกี่ยวกับชื่อของธนาคารเลย สิ่งที่เกี่ยวข้องนั้น กลายเป็น สาขาที่ตั้งของธนาคารที่ท่านไปเปิดบัญชีเสียมากกว่าด้วยซ้ำ ว่าที่ตั้งของสาขานั้นหนะ ตั้งอยู่ที่ไหน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นสำนักงานใหญ่เสมอไป คล้ายๆกับสถาปนิกบางท่านที่ได้กล่าวกับผมว่าเขาพยายามหาตึกแถวในบริเวณนึง เพราะเชื่อว่า ใครที่ได้อยู่ที่นี่มักจะได้ดี ผมก็ทำการคำนวนแล้วได้แนะนำให้เขาไปเดินหา ณ สถานที่หนึ่ง วงในแผนที่เอาไว้ให้เขา ปรากฎว่าหาได้จริงๆ แต่องค์ประกอบรวมกันสามสิ่งนะครับ หนึ่งคือผมต้องได้พิกัดคร่าวๆก่อนว่า เป็นจังหวัด หรือน้อยที่สุด อำเภอหรือเขตอะไร ต่อมาต้องระบุให้เค้าว่า ไปในช่วงไหนถึงหาได้ วันที่ใดๆ กับสุดท้ายคือ วิธีการไปหา ซึ่งในกรณีนี้ดวงชะตาเขาต้องใช้แข้งขาเดินเหินเองไปหา ผมเลยย้ำลงไปว่าต้องเหนื่อยหน่อยนะ แต่จะหาได้ ขอให้เดินเอา อย่าไปนั่งรถ จะแล่นผ่านตา หาไม่เจอเอาง่ายๆ สรุปว่าหาได้ ถามเจ้าของเดิมนั้นเขาแปะป้ายให้เช่ามานานแล้วก็ไม่มีใครเห็น เดิมทีบ้านเขาขายใข่ไก่แค่นั้น แต่ต่อมาก็ขยายกิจการใหญ่โตจนได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นเรียบร้อยแล้ว สถานที่ๆดีและเคยมีความเจริญเกิดขึ้น มักส่งผลให้คนที่มาอยู่ต่อๆไปนั้น ได้ดีพอสมควรแก่เหตุครับ แต่ทั้งนี้ กรรมดีที่ท่านทำก็ต้องมีอยู่เองด้วย ลำพังจะมาได้ดีกับแค่ได้สถานที่ดีบ้านดีเท่านั้นเป็นไปไม่ได้ คนดีก็ย่อมต้องได้บ้านดีด้วย เหมือนที่พากันเข้าใจผิดว่า บ้านเลือกคน พูดกันจนติดปาก จริงๆนั้น คนนี่หละเป็นตัวสร้างบุญกุศล บุญกรรมที่ทำนี่หละ เลือกให้ได้เจอใคร ได้อยู่ที่ไหนครับ บ้านที่ไม่มีชีวิตอะไรจะมาเลือกคนได้ ไม่มีทางเลย จะบอกว่าผีสางเทวดาเจ้าที่เลือกก็ไม่ใช่อีก เราจะเห็นได้จากพระไตรปิฎกว่าหลายๆครั้ง เทวดาไม่พอใจนะที่คนดีๆท่านมาอยู่ที่นี่ แต่ก็ต้องจำนนกับอานุภาพความดี แลภายหลังพอเข้าใจแล้วก็กลับใจด้วยอานุภาพของเมตตาธรรม เราไปไหนเราเอาเมตตานำหน้า ได้ดีแน่นอนครับ ได้ดีกว่าเอาหล่อแกนำหน้าไปหลายขั้น ผมพูดเองในฐานะคนใช้หล่อแก
เรื่องก็มีอยู่ว่าเช้าวันนี้ผมได้คุยกับผู้หญิงคนนึงที่ผมเคยบอกให้เขาไปเปิดบัญชีธนาคารเอาที่สาขา …. ห้างใหญ่กลางกรุงแห่งหนึ่งแล้วจะช่วยทำให้เขาเงินไหลคล่อง ไม่เหือดไปง่ายๆ กับจะได้งานที่มีรายได้ใหญ่ๆเข้ามา แทนที่เจ้าตัวจะไปเปิดเอง กลับมาเล่าว่า ได้ไปบอกน้องชายของตน ให้พากันไปเปิด เพราะอยากให้น้องชายได้ดีด้วย ทั้งๆที่ตอนบอก ผมสั่งห้ามไปแล้วว่า เรื่องนี้ไม่ต้องไปพูดกับใครนะ เขาก็อ้างด้วยหน้าเจื่อนๆว่า ก็เผลอเล่าไป ด้วยความหวังดีกับเขา นี่หละครับฟังดีๆ หวังดีนี่ฆ่าประโยชน์คนมานักต่อนักแล้ว เพราะไปหวังดีแต่ทำไม่ถูกเรื่อง
ผมได้แต่เปรยและถอนหายใจว่า หมดละ ไม่ได้ละหละ จบแค่นี้นั้นหละ เห้อ ท่านอาจจะงงว่า การมีน้ำใจกับญาติพี่น้องไม่ทำให้เราได้ดีหรอกหรือ ก็ขอยกตัวอย่างนิทานพื้นบ้านให้ท่านทั้งหลายได้ฟัง ทั้งเรื่อง ห่านหรือเป็ดที่ออกใข่เป็นทองคำ เรื่องงมขวานที่ตกในน้ำ นิทานของฝรั่ง กับนิทานไทยเราเรื่องปลาบู่ทองก็ตาม เรื่องดอกพิกุลทองร่วงออกจากปากก็ตาม ท่านเคยสังเกตไหมว่าทำไมอยู่กันคนละซีกโลกกลับแต่งนิทานคล้ายๆกันเอามากๆ คนเขาสื่อสารกันข้ามทวีปหรือ หรือว่าเขาเจอเรื่องคล้ายๆกัน กันแน่
เรื่องพวกนี้มีใจความหลักตรงที่ คนดีได้ผลจากความมีน้ำใจและได้รางวัลตอบแทน จากเทวดาบ้าง จากเจ้าที่เจ้าป่าเจ้าเขาบ้าง ปลอมตัวมาเป็นคนแก่ หรือคนในรูปแบบน่ารังเกียจต่างๆ แต่แล้วก็เอาความเหล่านี้ไปเล่าให้คนในบ้านฟัง แต่คนในบ้านไม่ได้เป็นคนมีน้ำใจเหมือนตัวเองทุกคนนี่ โลภมากก็มีเยอะ คนโลภเหล่านั้นพอใช้วิธีเดียวกันไปหาสิ่งพวกนี้ แทนที่จะได้ของดี กลับได้ร้ายคืนมา คนที่เล่านั้นได้ทุกข์อีกต่างหาก เพราะคนโลภเหล่านั้นก็พาลมาด่าทอทีหลัง ว่าหลอกเขาบ้าง หรือไม่เห็นได้ดีแบบที่เธอได้บ้าง เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันหละครับ
ไม่ใช่ว่าสาขาธนาคารจะช่วยอะไรให้เราได้ขนาดนั้นเลยก็หาไม่ แต่เป็นการตอบแทนคุณงามความดีที่เราทำ เราจึงได้รู้ข่าวสารนี้คนเดียว ก็พอๆกับกรณีตามหาบ้านทำเลดีๆที่ผมได้เล่าไป เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆองค์ประกอบที่ร่วมกัน ภายใต้องค์ประกอบใหญ่คือ ความดีงามที่ถูกตอบแทน แปลว่า ข่าวสารดีๆเพื่อตอบแทนคนดีมีน้ำใจ ในห้วงเวลาดีๆเท่านั้นเอง นั้นก็แปลได้อีกว่า ไม่ใช่ทุกคนเอาข่าวสารหรือวิธีการนี้ไปใช้จะได้ผล เหมือนกับยาที่คนไข้ชอบถามว่า กินด้วยกันได้ไหม หรือกินดีจังเลยเอาไปฝากคนอื่นได้ไหม นี่นิสัยเสียระดับโลกเลยนะครับ คิดว่าของดีต้องดีกับคนอื่นแน่ๆ ไม่เป็นเช่นนั้นเลยครับ ของดีก็อยู่ที่เราหนะละดี ไม่ใช่ว่าดีได้ทั่วไปทั้งหมด
ผมเลยได้ถอนหายใจว่าหมดแล้ว แล้วกัน จบละ ไม่ใช่แค่น้องชายเขาเอาไปใช้ไม่ได้ผล ความที่ไม่มีสติระมัดระวังปากของผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้เธอเสื่อมจากลาภเช่นกัน เพราะทำผิดสัญญาได้รับปากผมไปแล้วนี่ว่าจะไม่บอก ก็ดันไปบอกซะ อย่าได้ดูแคลนเรื่องไม่มีสัจจะนี่ว่าเล็กน้อยนะครับ ถ้าลูกค้าจ่ายเงินไม่ตรงนัด ลูกจ้างมาทำงานไม่ตรงเวลา ความลำบากของท่านสร่างคลายล่าช้าไปสัก 2-3 วัน ผิดนัด เลื่อนไปหมด เพราะไม่ได้รับอะไรเที่ยงตรงตามที่ควรจะเป็นนี่ท่านว่าเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก ท่านอาจจะเถียงว่า เขาอาจไม่รู้ตัว รู้สิครับ เรื่องที่มันนอกเหนือจากชีวิตประจำวันพวกนี่ไม่มีทางเผลอพูด ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับ ว่านึกได้ว่าได้รับปากแล้วจะไม่บอก แต่ความมีน้ำใจเห็นว่าพี่น้องกันคงไม่เป็นไรหนะละ พูดออกไปซะ นี่แปลว่า ความศรัทธาก็ชำรุดด้วย คือเอาเรื่องพี่น้องขึ้นมาเหนือความจะได้รักษาคำพูดที่รับปากไว้ สรุปพี่น้องก็อด ตัวเองก็อด ซึ่งตรงนี้คนโบราณก็มีภาษิตเก่าๆว่า ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ไม่ควรบอกถ้อยคำอะไรแก่ใครแล้วห้ามเขาไปบอกต่อคนอื่น เพราะไม่ค่อยมีคนทำได้หรอก ทั้งยังจะสร้างความลำบากใจไปทั้งสองฝ่าย ตรงนี้ท่านอาจจะมีคำถามอีกว่าทำไมผมต้องห้าม จริงๆไม่ใช่ความลับอะไรเลยครับ แต่จากเหตุผลที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น ต่อให้เอาไปบอก คนอื่นก็เอาไปใช้ตามไม่ได้อยู่ดี และต่อให้เจ้าตัวไปทำตาม ก็ใช่ว่าทำแล้วจะได้ผลรวยเฮงทันตา เป็นเพียงแต่วิธีเสริมความมั่นใจแบบโลกๆผสมกับวิชาโหราศาสตร์เป็นตัวช่วยหนุนบ้าง เพื่อให้เกิดผลดีงามขึ้นสักนิด พอๆกับเราให้รางวัลเด็กที่ทำดีด้วยลูกอม แต่เด็กคนนั้นโตมาเค้าคงไม่ไปทำงานเพื่อแลกแต่ลูกอม หรือมีความสุขที่ได้ลูกอมแทนเงินเดือนในตอนโตหรอกกระมัง เวลาทำอะไรต้องแยกแยะระหว่างกำลังใจในช่วงอนุบาลต้นกล้า กับตอนที่ต้นกล้าเติบใหญ่แล้วจะได้อะไร อันที่จริงอาจจะมีคนมองว่าเป็นการให้กำลังใจแบบผิดๆเลื่อนลอย ก็ไม่ได้เลื่อนลอยครับ ผมสอนไปหลายเรื่องที่เป็นการกระทำอันจะไปแก้ไขพฤติกรรมที่ควรปรับปรุงต่างๆ จนเกิดความก้าวหน้าดีพอควรแล้ว ไม่ใช่จู่ๆก็พูดมาแต่เรื่องนี้ ให้ไปทำ และเชื่อตามแล้วจะได้ดีเลย แต่ตอนเอามาเล่าในนี้ก็รวบรัดให้สั้นเข้าประเด็นแค่นั้น อีกทั้งคนที่เขายังไม่แก่กล้าเราก็ต้องหาวิธีการที่ช่วยเขา ของดีต้องเลือกให้ด้วย ไม่ใช่อะไรๆก็จะเพียรเอาแต่ดีที่สุดๆ กลับจะกลายเป็นพิษเอา พอๆกับยุคนี้ที่พากันว่าพระเครื่อง วัตถุมงคลเป็นสิ่งงมงาย จริงๆไม่งมงาย เชื่อวัตถุมงคลก็ดีกว่าไปเชื่อวัตถุอัปมงคล ถ้าเป็นกำลังใจปลูกสร้างความดีงามเบื้องต้นได้ ก็ควรเชื่อก่อน คนเราฝึกมารู้มาไม่เหมือนกันครับ
ผมได้ยกตัวอย่างครูบาอาจารย์สมัยก่อน เวลาท่านจะให้ของดี หรือคาถาแก่ใคร ท่านก็ทำแบบนี้ทั้งนั้นครับ ไม่ใช่ว่าจ่ายครบจบกันเงินมาของไปแบบสมัยนี่ที่ทำกัน ท่านเลือกเอาของดีๆ คาถาดีๆก็ให้แก่คนที่สมควรให้ ตอบแทนเป็นรางวัลกำลังใจเล็กๆน้อยๆ หรือเป็นเครื่องคุ้มครองจากที่ได้ทำความดีงามหรือจะได้ทำหน้าที่รับผิดชอบอะไรที่อาจเกิดอันตรายได้ เรื่องนี้ไม่ใช่ความลำเอียงเลือกที่รักมักที่ชัง แต่พิจารณาไปตามภาระที่ต้องรับหรือความดีที่ได้ทำลงไป
ไม่ต้องไปห่วงเขาครับ ตราบใดที่เขายังเป็นคนดีมีน้ำใจชอบช่วยเหลือคน เดียวก็มีลู่ทางอื่นๆข่าวสารเคล็ดลับดีๆอื่นๆออกมาช่วยอีก ต่างกันสิ คนโลภๆที่ไม่ทำบุญอะไรนั้นต่างหาก ที่ต่อให้จะได้ยินข่าวสารอะไรเหล่านี้ก็เอาไปช่วยไม่ได้ นี่เลยไม่ต้องแปลกใจเวลาท่านไปเรียนอะไรมา หรืออ่านอะไรมา ฟังอะไรมา แล้วคิดว่านี่คือเคล็ดลับเชิงเหนือโลกพวกนี้ แล้วทำไมตัวท่านเองเอามาใช้กลับไม่ได้ผล เพราะไม่ได้สำคัญที่ตัวหนังสือหรือข่าวสารครับ สำคัญมากๆที่เรามีความดีงามเหมาะสมพอจะใช้สอยสิ่งพวกนั้นได้ไหมด้วย อันนี้ก็เลยจะได้ฝากเตือนเอาไว้ คนสมัยนี้อะไรๆก็ชอบของดีๆ มงคลก็จะเอามงคลที่สุด นี่ขัดหลักการจีนโบราณตัวเท่าช้างเลย คนจีนเน้นความเหมาะควรแก่ฐานะตนเอง ต้องประเมินตนด้วยครับ ไม่ใช่เอะอะ ใช้มังกร ห้อยกิเลน ประดับหงส์ แล้วตัวเองจะได้ดีเหมือนท่านที่ได้ดีนั้น หากตัวเองเหมาะกับกวาง เสือ หรือปลา ก็เอาแค่เหล่านั้นพอ หากน้อยกว่านั้นก็ ต้นไม้ใบหญ้าดอกไม้มีมากมาย คนไทยเรานี่ไปไหนก็อยากได้ดีที่สุด จ้องแต่ มังกร สิงโต กิเลน กันให้ได้เลยทีเดียว ไม่ดีหรอกครับ เกินบารมีตนเอง เหมือนคนแต่งเครื่องแบบจอมพลเดินไปเดินมา ท่านจะเคารพยำเกรง หรือจะหาว่าคนบ้า ทำไปทำไมกันแน่ ลักษณะเดียวกันเลย ค่อยๆขยับตัวเองไปตามฐานะหน้าที่ความรับผิดชอบและความดีงามครับ อายุก็มีผลในเรื่องนี้เยอะเหมือนกัน พูดโดยสรุปคือรู้จักประเมินตนและรู้จักรอให้เป็นนั้นหละ
อันสุดท้ายที่อยากเตือนคือ อย่าได้เอะอะเอาอะไรไปผูกดวงไว้ในพระสถูปเจดีย์ หรือหล่อพระ ถ้าถวายเป็นสิ่งสวยงามประดับประดา หรือถวายเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือถวายเป็นเครื่องบูชาคุณอันนี้ดีงามมากๆครับ แต่หลายคนชอบสลักชื่อ เขียนดวง ใส่ลงไป แลว่าจะให้ดวงตนเองได้รับการคุ้มครองหรือได้อานิสงค์ที่คนเขามาสวดมนต๋กราบไหว้พวกนี้ ขออย่าได้ไปทำ เป็นการไปปรามาสสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยอ้อม คุณมีความดีวาสนาบารมีอะไรที่จะไปทำขนาดนั้น อย่าไปเลียนแบบพระสงฆ์องค์เถรเณรชีหรือเจ้านายท่าน พูดให้จำแต่อาจจะแรงหน่อยคือ คางคกอย่าขึ้นวอครับ ไม่ได้ดีอะไรกับตนเองเลย ไปหาทางยกตนเองโดยการอาศัยพิธีเหล่านี้ เสียมากกว่าดี สู้หันมากระทำคุณงามความดี กุศลกรรมบถ 10 นั้น ทำให้ครบๆ ฝึกฝนตนเองในความดีงามที่แท้จริงนี้จะดีกว่าไปหาเอากับเรื่องวัตถุสิ่งของพวกนั้น นี่ต่างกันอีกกับการแสดงชื่อผู้ถวายนะครับ เพราะเป็นเพียงแต่ให้ได้รับรู้กัน ได้อนุโมทนาบุญมีมุทิตาจิตร่วมกัน ไม่เหมือนการไปผูกดวงผูกชื่อตัวเองเอาไว้ ดังนั้นเวลาทำบุญอะไรทีหลัง ไม่ต้องไปเขียนครับ ผ้าห่มเจดีย์ หลังคา ก้อนอิฐ แผ่นเงิน แผ่นทอง จะเขียนกันลงไปทำไม เขียนด้วยปากกาเมจิคอีกต่างหาก ไม่นานก็เลือน หรือท่านจำได้เวลาเขาสร้างเสร็จว่าก้อนไหนที่ท่านเขียนรึ ถ้าใครบอกให้เขียน ย้อนถามเขาไปสิว่า ไปเอาความคิดใครมาที่บอกว่าเขียนแล้วจะได้ดี ขอโทษเถอะถ้าเขียนแล้วจะสูงส่งได้ดี ผมแนะนำเขียนใส่ลำไผ่ ลำตาล น่าจะดีกว่านะครับ รับรองสูงเอาๆ โตเอาๆ ไม่ก็ไปเขียนใส่ยอดสายล่อฟ้าตึกสูงในเมืองกรุงดีกว่า สูงสง่ากว่าตั้งเยอะ มันจะงามดีอะไรถ้าชื่อคนธรรมดาเดินดิน ศีลน้อย ไปแขวนห้อยอยู่เหนือหลังคาบนพระพุทธรูป หรือไปเป็นผ้าห่มเจดีย์ ไปเป็นก้อนอิฐบนฐานเจติยะเดียวกับที่คนทั้งหลายได้ก้มกราบลงพื้นไหว้ ไหว้ชื่อท่านรวมไปด้วยแบบนี้หรือ
นี่หละอีกหนึ่งความหวังดีฆ่าประโยชน์คน หวังดีแล้วมีต้นตอความดีจากอะไรกับการไปเขียนชื่อเขียนนามใส่ลงไปในนั้น ต่อให้เขียนที่ฐานองค์พระ เขียนแล้วท่านจะบรรลุธรรมอันยอดเลยหรือไม่ ถ้าไม่เขียนนี่ตัดหนทางทำความดีสิ้นไปเลยหรือ เหมือนกันกับเรื่องปิดทอง ถ้ามีจิตคิดว่าให้ประดิษฐานเป็นความสวยงามควรแก่การทำนุบำรุงพระศาสนา ก็ได้บุญอย่างดีงาม แต่ใครอีกมากหลายคน ปิดทองเพื่อเสริมส่งตนเอง บ้างก็เลือกตำแหน่งปิดตามอวัยวะต่างๆขององค์พระ บ้างก็ปิดเพื่อหวังอานิสงค์ขอให้ตนเองมั่งคั่งรุ่งเรือง ไม่ได้มุ่งหมายถึงประโยชน์ความดีงามที่ควรจะตั้งใจบูชาโดยเคารพ แทนที่จะได้บุญมาก บาปก็มาปน มาลัยเหมือนกันครับ ไม่ต้องเพียรไปวางไว้ในที่ๆสูงมาก หรือจะเอาให้ถึงองค์พระองค์เจดีย์ก็ได้ ให้หันมองก่อนเขาจัดให้ท่านวางที่ใด วางไปตรงนั้น หากไม่มีที่จัด ขอให้วางลงตรงที่สมควร ไม่ไปทำให้ผิวขององค์พระหรือเจดีย์หมอง ไม่ไปทำให้สกปรกนั้นหละว่าง่ายๆครับ นี่หละเห็นไหม การสั่งสมนิสัยแบบทำอะไรก็อยากให้ดีที่สุดๆ จริงๆมีคำนำหน้านะ จะได้ตาสว่างคือ อยากให้(ตัวข้านี้)ได้ดีที่สุด ก็เลยทำอะไรชอบคิดให้สะท้อนหาตัวเอง หรือเสริมส่งตัวเอง วาสนา บารมี ร่ำรวย เงินทอง ก้าวหน้า อะไรว่าไปตามแต่จะสรรหา ขอให้คิดใหม่ทำใหม่ แทนที่จะเอาใจไปเพ่งกับปากกาที่จะเขียน สิ่งของที่จะทำทั้งหมด ลองสำรวมใจลงสักครู่หนึ่ง หรือหลับตาไปด้วย น้อมเอาใจเอากายนี้ถวายความเคารพบูชา เอาคุณงามความดีที่เราได้รักษาได้เพียรสร้างเพียรทำน้อมถวายสักการะลงไปพร้อมๆกับ พิธีหรือสิ่งของที่ท่านอยากทำบุญถวาย เปรียบเหมือนการพรมน้ำหอมอบร่ำไปในข้าวของเงินทองทั้งหลายที่ท่านอยากถวาย การตั้งใจแบบนี้ทำกับเวลาท่านโอนหรือส่งของไปทางออนไลน์ด้วยก็ได้เช่นกันครับ
ทั้งหมดทั้งปวง ผมไม่อาจจะวินิจฉัยได้หรอกว่า การกระทำนี้ๆของใครคนนึง ผิดหรือถูก บุญหรือบาป เพราะรู้เพียงการกระทำไม่รู้ใจหรือเจตนาทำลงในตอนนั้น ไม่อาจแน่ใจได้เลยว่า จะได้ดีหรือชั่ว แต่การกระทำบางอย่างก็ฟ้องว่าเกิดจากเจตนาชั่วร้ายโดยธรรมชาติ เช่นเดียวกับการกระทำบางอย่างก็ฟ้องด้วยตัวการกระทำเองว่าเกิดจากความดีงามโดยเจตนาเป็นแน่แท้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่อง ทุกการกระทำ ทุกกิจกรรมไป ดังนั้น ที่เขียนมาทั้งหมดไม่ได้จะไปตัดสินการกระทำหรือกิจกรรมที่ท่านทำ แต่มุ่งชี้ให้ท่านได้พิจารณาเจตนาและความตั้งใจของตนเองให้ดีๆ ว่าที่ควรตั้งเจตนานั้น เป็นเช่นไร และสำรวจว่าตนเองได้ตั้งเจตนา ตั้งใจเอาไว้อย่างไรจึงทำสิ่งนั้นๆลงไป เพราะคนเราย่อมรับผลของสิ่งที่เราทำด้วยตัวเราเองทั้งหมด หาได้มีใครจะมารับแทนเราไม่ ไม่ว่าคนนั้นจะอยากรับแทนขนาดไหน เพราะฉะนั้น การเลือกเชื่อเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเชื่อคนผิดเสียแล้วกระทำลงไปตาม คนที่บอกกล่าวผิดๆนั้น เขาหาได้ต้องมารับผลของความผิดที่ท่านเป็นผู้ตัดสินใจ วางเจตนาปลงใจลงกระทำไม่ ขอให้รอบคอบให้มาก ตำรับตำราก็เป็นพิษได้ อาหารดีๆก็เป็นพิษได้ ญาติของตนก็เป็นพิษได้ ดังจะได้ยกภาษิตโบราณ ความจากหนังสือ วยาการศตกะ หรือ สุภาษิตร้อยบท มาในที่นี้ว่า
ตำรับตำราถ้าไม่หมั่นเล่าบ่น ก็เป็นพิษแก่ผู้เรียน
อาหารถ้าไฟธาตุไม่ย่อย ก็เป็นพิษแก่ผู้กิน
ญาติเป็นพิษของผู้ขัดสน
สตรีสาวเป็นพิษของชายชรา
สิ่งที่สาธุชนทำลงไว้ ถึงจะเล็กน้อย
ก็ยั่งยืนเหมือนรอยที่จารึกไว้ในศิลา
ส่วนสิ่งที่ชนต่ำช้าทำลงไว้
ย่อมพินาศไปโดยเร็ว เหมือนรอยที่ขีดลงในน้ำ
ซินแซหลัว 3/9/2565
Comentarios